
โจโฉยิ่งโกรธ ตวาดว่ากูไปไหน ๆ ทั่วปฐพีมาแล้วกว่า 40 ปี ยังไม่เคยพบใครที่ไม่กลัวกู จะเป็นท้าวพญายมยักษ์ิ มหากษัตริย์หรือขี้ข้าม้าคอกทั้งหลาย แล้วเหตุใดเทพารักษ์ต้นไม้นี้จึงบังอาจมาขัดความประสงค์ของกูได้ ว่าแล้ว โจโฉจึงชักกระบี่ออกฟันต้นไม้เต็มแรง มีเสียงร้องไห้อื้ออึงในต้นสาลี สักครู่หนึ่งก็มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมา ถูกเสื้อผ้าโจโฉเปื้อนไปทั้งตัว จนตกใจ ทิ้งกระบี่กระโดดขึ้นหลังม้าควบกลับวังโดยมิกล้าหันไปมอง
คืนนั้นทั้งคืน โจโฉมิได้หลับนอนผุดลุกผุดนั่งกระสับกระส่ายอยู่ใน ห้องคนเดียว กลางดึกปรากฎร่างคน สยายผมยาว นุ่งดำห่มดำ ถือกระบี่มายืนคำรามต่อหน้าว่า กูคือเทพารักษ์ที่สิงต้นสาลี มึงบังอาจไปฟันกู มึงจะทำที่อยู่แข่งบุญกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ กูรู้ว่าบุญมึงถึงที่สิ้นแล้ว กูจึงตามมาเอาชีวิตของมึงไปเสีย
โจโฉกลัวสุดขีดร้องให้คนช่วยสุดเสียง แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย เทพารักษ์พุ่งกระบี่แทงโจโฉเต็มแรง โจโฉร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วก็ตกใจตื่นเหงื่อโทรมกาย รู้ว่าฝันแต่ตัวยังสั่นเทาด้วยความกลัว
โจโฉใกล้จะสิ้นบุญ ตลอดชีวิตฆ่าคนมาก็มาก จึงเห็นเหตุการณ์ประหลาด ๆ จนวาระสุดท้าย โรคเก่าปวดศีรษะก็กลับมาคุกคามอีก เรียกสารพัดหมอมารักษาก็มิได้ทำให้อาการดีขึ้น จนกระทั่งฮัวหิมที่ปรึกษาคนหนึ่งแนะนำว่า มี หมอที่เก่งปานเทวดาชื่อหมอฮัวโต๋รักษาโรคได้ชงัดนัก มีวิธีการใหม่ ๆ ไม่ซ้ำแบบหมออื่น บางครั้งก็ให้กินยา บางครั้งเผา บางครั้งผ่า คนป่วยส่วนมากมักจะหายขาด
โจโฉได้ยินฮัวหิมสรรเสริญหมอฮัวโต๋ ก็สั่งทหารให้เร่งไปเชิญหมอผู้นี้มารักษา หมอฮัวโต๋วิชาการแพทย์ที่ล้ำยุค1800 ปีก่อน เป็นหมอจีนที่รู้จักใช้ยานอนหลับหรือวิสัญญีแพทย์ รู้จักวิธีการผ่าตัด รายของโจโฉหมอฮัวโต๋ตรวจดูอาการแล้ววินิจฉัยว่า โรคของท่านกินยากับทายาจะไม่หาย โรคนี้ชอบที่จะผ่าจึงจะหาย
โจโฉจ้องหน้าหมอฮัวโต๋ถามว่าผ่ายังไง หมอฮัวโต๋ตอบตามหลักวิชาแพทย์ว่า จะให้ท่านทานยาให้มึนเมาไม่รู้สึกตัว แล้วจึงผ่าศีรษะของท่านด้วยขวานอันคม ชำระโรคในศีรษะให้หมด แล้วจึงเย็บประกบเข้าไปใหม่ โรคของท่านก็จะหาย
ฟังแค่นั้นเองโจโฉก็โกรธด้วยเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้วจึงว่า นี่เอ็งจะคิดแกล้งหาทางฆ่าข้าหรือไงจึงหาวิธีรักษาแบบนี้ ฮัวโต๋จึงว่า เมื่อครั้งที่กวนอูถูกเกาทัณฑ์พิษ ข้าพเจ้าก็ไปรักษา กวนอูนั่งนิ่งให้ข้าพเจ้าเอาเกาทัณฑ์ออก ขูดยาพิษที่ติดกระดูกออกจนหมด กวนอูหาได้กลัวไม่ โรคของท่านเบากว่าพิษ ผ่าแล้วก็หายท่านอย่าได้กลัวเลย
โจโฉได้ยินชื่อกวนอูยิ่งแน่ใจใหญ่ว่าหมอฮัวโต๋คบคิดกับกวนอูมาฆ่าตน จึงให้ทหารจับหมอฮัวโต๋ไปขังไว้ในคุก จะไปเฆี่ยนตีเค้นเอาความจริงให้ได้ว่าใครใช้มา มีใครสมรู้ร่วมคิดบ้าง กาเซี่ยงที่ปรึกษาติง โจโฉว่าขอให้ท่านพิเคราะห์ให้ละเอียด หมอฮัวโต๋ผู้นี้เป็นคนดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อย่าได้ทำอันตรายแก่ คนๆนี้เลย โจโฉตวาดว่า หมอคนนี้คิดอ่านทำร้ายเรา เหมือนเมื่อครั้งหมอเกียดเป๋งมิมีผิด
กรณีของหมอฮัวโต๋แพทย์อาชีพ นำความจริงใจ ความหวังดี ไปมอบให้แก่คนอธรรม คุณค่าของความดีเหล่านั้นแทนที่จะเป็นคุณ กลับให้โทษมหันต์แก่คนทำความดีอย่างน่าเศร้าใจ เกียรติคุณของคนดี เป็นที่ระแวงของคนชั่ว เป็นอย่างนี้มาแต่ดึกดำบรรพ์
ผู้คุมนักโทษตัวเล็ก ๆ ชื่อหงออาย กลับมีปัญญามองเห็นความดีของหมอฮัวโต๋ รู้ว่าหมอฮัวโต๋เป็นคนดี ไม่มีพิษสงกับใคร จึงปฏิบัติต่อหมอฮัวโต๋อย่างดี ส่งข้าวหมูเห็ดเป็ดไก่ให้ทุกเวลามิได้ขาด ก่อนตายหมอฮัวโต๋พร่ำพูดย้ำกับหงออายว่า ความระแวงของคน เป็นโรคอย่างหนึ่งที่ต้องรักษา พร้อมกับมอบตำราแพทย์ให้แก่หงออาย หงออายดีใจได้ตำราแล้วไปเก็บไว้ที่บ้าน
เมื่อหมอฮัวโต๋ตาย ภรรยาผู้คุมเห็นว่า วิชาแพทย์เหล่านี้เป็นต้นเหตุให้หมอฮัวโต๋ต้องตาย จึงแอบเผาตำราทิ้งทั้งหมด หงออายวิ่งไปดับไฟไม่ทัน จึงเหลือแต่เพียงตำราตอนเป็ดตอนไก่ไว้เท่านั้น
คนทำชั่วไว้มากมายเวลาใกล้จะตาย สัจธรรมมักจะบังเกิดขึ้นในภวังค์จิต โจโฉก็มิได้ถูกกฎแห่งกรรมข้อนี้ยกเว้น ภาพคนตายที่ตนฆ่ามาปรากฎให้เห็นเป็นราย ๆ ตั้งแต่นางฮกเฮา นางตังกุยฮุยกับบุตรทั้งสอง ฮกอ้วน ตังสินกับพรรคพวกอีกกว่า 20 คน มีโลหิตเปรอะตัวแดงฉาน มาร้องทวงขอชีวิต โจโฉได้ยินเสียงปีศาจทั้งชาย และหญิง มารุมร้องไห้ทวงชีวิตเซ็งแซ่จากดึกยันรุ่ง มิเป็นอันหลับนอน
ครั้นถึงเวลาเช้า โจโฉสั่งเรียกหาขุนนางมาครบหน้าจึงว่า เราทำสงครามมาช้านานถึงกว่า 30 ปี มิเคยได้ยินเสียงภูติผีปีศาจมาหลอกหลอนมากมายดังนี้ ขุนนางทั้งปวงเสนอแนะว่า ให้นำหมอผีมาแต่งเครื่องเซ่นไหว้ ก็คงจะหายแต่โจโฉรู้ว่าทำ ไปก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่แฮหัวตุ้นนายทหารมือขวาของตนยังถูกผีหลอกจนสลบ
โจโฉเมื่อรู้ตัวว่าจะตาย รวบรวมสติสั่งเสียการทั้งปวง ให้ที่ปรึกษาสนิทที่ตนไว้ใจ 4 คนมาสั่งการ มีโจหอง ตันกุ๋ย กาเซี่ยง และสุมาอี้ มาอยู่ใกล้ชิดถึงเตียงนอน โจโฉมองหน้าคนสนิทที่ละคนแล้วทอดถอนใจจึงว่าแบบปลงตกชีวิต คำพิพากษาโทษของสวรรค์ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะฎีกาได้
โจโฉฝากวอนคนสนิทให้ช่วยดูแลบุตรภรรยากับบ้านเมืองให้จงดี แล้วโจโฉจึงสั่งเสียถึงผู้ที่จะมาสืบสมบัติตน รำลึกถึงบุตรที่ชื่อโจงั่งเกิดด้วยนางเล่าซีก็ตายที่เมืองอ้วนเซีย ยังแต่บุตรที่เกิดด้วยนางเปียนซี 4 คน คือ โจผี โจเจียง โจสิด กับโจหิม
โจโฉวิจารณ์อุปนิสัยของบุตรชายแต่ละคน บอกว่าโจเจียงมีกำลังเป็นฝ่ายบู๊แต่หาความคิดมิได้ โจสิดมีปัญญาดี แต่วาจาไม่ยั่งยืน มักเสพย์สุรา ความคิดไม่รอบคอบ โจหิมเป็นคนโลภ เห็นมีแต่โจผีพี่ชายคนโต หนักแน่นมีสติปัญญาหลักแหลมเฉลียวฉลาด พอจะตั้งให้เป็นใหญ่แทนเราได้ สิ้นเราเมื่อใด ท่านทั้งหลายจงช่วยตั้งให้ว่าราชการแทนเราสืบไปเถิด
ความคิดเห็น