"We three, though of separate ancestry, join in brotherhood... . We dare not hope to be together always but hereby vow to die the selfsame day." -Peach Garden Oath
คำสาบานในสวนท้อ (อังกฤษ: Oath of the Peach Garden ; จีน: 桃園三結義) มีจุดกำเนิดจากการที่เล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยได้มีโอกาสพบกันที่ร้านสุราแห่งหนึ่งในเมืองตุ้นกวน โดยต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออาสาแผ่นดินเพื่อจับโจรโพกผ้าเหลือง เมื่อคราวโฮจิ๋นนำเนื้อความในการเปิดกบฏโจรโผกผ้าเหลืองขึ้นกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ ให้มีตราไปทุกหัวเมืองเพื่อหาผู้อาสาปราบโจรโพกผ้าเหลือง ทหารหลวงได้นำประกาศมาปิดไว้ที่ประตูเมืองดังคำว่า
"เพื่อหาผู้ใดมีฝืมือกล้าหาญ ให้ช่วยกันจับโจรโพกผ้าเหลือง ได้แล้วจะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง"
เล่าปี่เดินไปเห็นประกาศแต่คิดมิได้ตลอด ได้แต่ทอดใจใหญ่ จนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวแก่เล่าปี่ว่า
"เป็นผู้ชายไม่ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน แล้วสิมาทอดใจใหญ่"
เล่าปี่หันกลับมาดูจึงได้พบกับเตียวหุย เล่าปี่และเตียวหุยต่างเจรจาเห็นต้องกัน โดยเตียวหุยกล่าวแก่เล่าปี่ว่า
"บ้านอยู่ตุ้นก้วน เรามีทรัพย์สินไร่นาเป็นอันมาก ทั้งร้านสุกรสุราก็มีขาย เราพอใจคบเพื่อนฝูงผู้มีสติปัญญา บัดนี้เห็นท่านดูหนังสือแล้วทอดใจใหญ่จึงทักใคร่จะรู้เนื้อความ"
เล่าปี่จึงว่า
"เราเป็นเชื้อพระเจ้าฮั่นเกงเต้ชื่อ เล่าปี่ ได้ยินข่าวว่าโจรโพกผ้าเหลืองมาทำอันตรายแผ่นดิน เราคิดจะใคร่อาสาแผ่นดินไปปราบโจร แต่ขัดสนด้วยกำลังทรัพย์ก็น้อยคิดไปมิตลอด จึงทอดใจใหญ่"
เตียวหุยเมื่อได้ฟังสาเหตุการทอดใจของเล่าปี่ จึงออกปากให้ทรัพย์สินเพื่อไปเกลี้ยกล่อมชาวเมืองซึ่งมีฝีมือกล้าหาญ เพื่อยกออกไปจับโจรโพกผ้าเหลือง สร้างความดีใจแก่เล่าปี่จึงชวนเตียวหุยไปในร้านสุรา ซื้อสุราและชวนกันนั่งกิน
ในขณะเล่าปี่และเตียวหุยแลกเปลี่ยนถ้อยคำสนทนา กวนอูได้ขับเกวียนมาถึงหน้าร้านสุราและร้องเรียกผู้ขายสุราว่า
"เอาสุรามาขายจงเร็ว เรากินแล้วจะรีบไปอาสาแผ่นดิน"
ซึ่งคำกล่าวของกวนอูนั้นทำให้เล่าปี่และเตียวหุยเกิดความสนใจจึงชวนไปนั่งกินสุราด้วยพร้อมกับสอบถามชื่อแซ่ ซึ่งกวนอูตอบว่า
"เรา ชื่อกวนอู อีกชื่อหนึ่งนั้นหุนเตี๋ยง บ้านเราอยู่เมืองฮอตั๋งไกเหลียง ที่เมืองฮอตั๋งไกเหลียงนั้นมีคนหนึ่งมีทรัพย์มาก ร้ายกาจสามหาวข่มเหงคนทั้งปวง เราเห็นผิดนักเราจึงฆ่าผู้นั้นเสีย แล้วหนีไปเที่ยวอยู่เป็นหลายหัวเมือง บัดนี้เราได้ยินว่าเมืองนี้มีหนังสือเกลี้ยกล่อมป่าวร้องให้อาสาแผ่นดินจับ โจกโพกผ้าเหลือง เราจึงมาหวังจะอาสาแผ่นดิน"
เล่าปี่ได้ฟังจึงว่า
"เรากับเตียวหุยคิดต้องกันกับท่าน" เตียวหุยจึงว่า "เราทั้งสามคิดการต้องกัน เชิญท่านทั้งสองมาไปบ้านเรา ที่หลังบ้านเรามีสวนดอกไม้แล้วเป็นที่สงัด ดอกยี่โถก็บานอยู่เป็นอันมาก จะได้บูชาพระแลเทพดาแล้วจะได้ให้สัตย์ต่อกันทั้งสาม ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะได้คิดการใหญ่สืบไป"
คำสัตย์สาบานในฉบับวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ความว่า
"ครั้นรุ่งขึ้น เตียวหุยจึงจัดม้าขาวกระบือดำ แลธูปเทียนสิ่งของทั้งปวงแล้วชวนกันออกมายังสวนดอกไม้ จึงจุดธูปเทียนไหว้พระแลบูชาเทพดา แล้วจึงตั้งสัตย์สาบานต่อกันว่า ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมือง วันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำบุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจะเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหารผลาญชีวิตให้ประจักษ์แก่ตาโลก"
และทั้งสามได้ตกลงกันเรียกเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องกลางและเตียวหุยเป็นน้องสุด
"เพื่อหาผู้ใดมีฝืมือกล้าหาญ ให้ช่วยกันจับโจรโพกผ้าเหลือง ได้แล้วจะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง"
เล่าปี่เดินไปเห็นประกาศแต่คิดมิได้ตลอด ได้แต่ทอดใจใหญ่ จนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวแก่เล่าปี่ว่า
"เป็นผู้ชายไม่ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน แล้วสิมาทอดใจใหญ่"
เล่าปี่หันกลับมาดูจึงได้พบกับเตียวหุย เล่าปี่และเตียวหุยต่างเจรจาเห็นต้องกัน โดยเตียวหุยกล่าวแก่เล่าปี่ว่า
"บ้านอยู่ตุ้นก้วน เรามีทรัพย์สินไร่นาเป็นอันมาก ทั้งร้านสุกรสุราก็มีขาย เราพอใจคบเพื่อนฝูงผู้มีสติปัญญา บัดนี้เห็นท่านดูหนังสือแล้วทอดใจใหญ่จึงทักใคร่จะรู้เนื้อความ"
เล่าปี่จึงว่า
"เราเป็นเชื้อพระเจ้าฮั่นเกงเต้ชื่อ เล่าปี่ ได้ยินข่าวว่าโจรโพกผ้าเหลืองมาทำอันตรายแผ่นดิน เราคิดจะใคร่อาสาแผ่นดินไปปราบโจร แต่ขัดสนด้วยกำลังทรัพย์ก็น้อยคิดไปมิตลอด จึงทอดใจใหญ่"
เตียวหุยเมื่อได้ฟังสาเหตุการทอดใจของเล่าปี่ จึงออกปากให้ทรัพย์สินเพื่อไปเกลี้ยกล่อมชาวเมืองซึ่งมีฝีมือกล้าหาญ เพื่อยกออกไปจับโจรโพกผ้าเหลือง สร้างความดีใจแก่เล่าปี่จึงชวนเตียวหุยไปในร้านสุรา ซื้อสุราและชวนกันนั่งกิน
ในขณะเล่าปี่และเตียวหุยแลกเปลี่ยนถ้อยคำสนทนา กวนอูได้ขับเกวียนมาถึงหน้าร้านสุราและร้องเรียกผู้ขายสุราว่า
"เอาสุรามาขายจงเร็ว เรากินแล้วจะรีบไปอาสาแผ่นดิน"
ซึ่งคำกล่าวของกวนอูนั้นทำให้เล่าปี่และเตียวหุยเกิดความสนใจจึงชวนไปนั่งกินสุราด้วยพร้อมกับสอบถามชื่อแซ่ ซึ่งกวนอูตอบว่า
"เรา ชื่อกวนอู อีกชื่อหนึ่งนั้นหุนเตี๋ยง บ้านเราอยู่เมืองฮอตั๋งไกเหลียง ที่เมืองฮอตั๋งไกเหลียงนั้นมีคนหนึ่งมีทรัพย์มาก ร้ายกาจสามหาวข่มเหงคนทั้งปวง เราเห็นผิดนักเราจึงฆ่าผู้นั้นเสีย แล้วหนีไปเที่ยวอยู่เป็นหลายหัวเมือง บัดนี้เราได้ยินว่าเมืองนี้มีหนังสือเกลี้ยกล่อมป่าวร้องให้อาสาแผ่นดินจับ โจกโพกผ้าเหลือง เราจึงมาหวังจะอาสาแผ่นดิน"
เล่าปี่ได้ฟังจึงว่า
"เรากับเตียวหุยคิดต้องกันกับท่าน" เตียวหุยจึงว่า "เราทั้งสามคิดการต้องกัน เชิญท่านทั้งสองมาไปบ้านเรา ที่หลังบ้านเรามีสวนดอกไม้แล้วเป็นที่สงัด ดอกยี่โถก็บานอยู่เป็นอันมาก จะได้บูชาพระแลเทพดาแล้วจะได้ให้สัตย์ต่อกันทั้งสาม ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะได้คิดการใหญ่สืบไป"
คำสัตย์สาบานในฉบับวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ความว่า
"ครั้นรุ่งขึ้น เตียวหุยจึงจัดม้าขาวกระบือดำ แลธูปเทียนสิ่งของทั้งปวงแล้วชวนกันออกมายังสวนดอกไม้ จึงจุดธูปเทียนไหว้พระแลบูชาเทพดา แล้วจึงตั้งสัตย์สาบานต่อกันว่า ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมือง วันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำบุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจะเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหารผลาญชีวิตให้ประจักษ์แก่ตาโลก"
และทั้งสามได้ตกลงกันเรียกเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องกลางและเตียวหุยเป็นน้องสุด