ในขณะที่จูล่งกำลังต่อสู้อยู่กับจงจิ๋นและจงสินนั้น บุนเพ่งนายทหารเอกเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งได้เข้าสวามิภักดิ์กับโจโฉได้ยกกองทหาร ไล่ตามมาแต่ไม่ทัน เพราะจูล่งสังหารสองพี่น้องจงจิ๋นและจงสินเสียก่อน
บุนเพ่งยกทหารมาถึงเชิงสะพานเตียงปัน จูล่งก็ข้ามพ้นสะพานไปแล้ว เห็นแต่เตียวหุยยืนม้าเป็นสง่า อยู่ที่เชิงสะพานอีกฟากหนึ่งแต่ผู้เดียว แต่ในป่าด้านข้างนั้นเห็นฝุ่นคลีฟุ้งตลบเป็นปริมณฑลกว้าง เพราะเหตุที่ทหารม้า ซึ่งเตียวหุยสั่งให้เอากิ่งไม้ผูกกับหางม้า แล้ววิ่งสลับไปมาอยู่ในป่า ก็สำคัญผิดคิดว่าเตียวหุยวางกลอุบายทำทีว่าอยู่แต่ผู้เดียว และซุ่มทหารกองใหญ่ไว้ในป่า บุนเพ่งจึงพรั่นใจสั่งให้กองทหารหยุดอยู่ที่เชิงสะพานอีกฟากหนึ่ง
บุนเพ่งไม่กล้ายกทหารรุกไปข้างหน้า เกิดความลังเลคิดจะกลับไปรายงานให้กองทัพหลวงทราบ ครู่หนึ่งโจหยิน ลิเตียน แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น เตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู ยกทหารตามมาทัน บุนเพ่งจึงชักม้าเข้าไปปรึกษากับนายทหารเอกทั้งเจ็ดว่าจะดำเนินการประการใด
บรรดานายทหารใหญ่ของกองทัพโจโฉที่มาใหม่ทั้งเจ็ดนายฟังคำบุนเพ่งแล้วหันไปมองที่ป่าด้านข้างเห็นฝุ่นคลีคลุ้งตลบเป็นปริมณฑลกว้างสมคำของบุนเพ่งจึง เห็นพ้องต้องกันว่า ขงเบ้งแต่งกลอุบายให้เตียวหุยแต่ผู้เดียวมาลวงล่อให้พวก เรายกทหารรุกไปข้างหน้า โดยซุ่มกองทหารจำนวนมากไว้ในป่า หากหลงกลขงเบ้งคงจะเสียทีแก่ข้าศึก
บรรดานายทหารทั้งแปดคนล้วนได้กิตติศัพท์สติปัญญาในกลอุบายการสงครามของขงเบ้งซึ้งอยู่แก่ใจทุกตัวคน โดยเฉพาะโจหยินนั้นได้สัมผัสรสชาติความปราชัยต่อกลอุบายของขงเบ้งอย่างยับเยินมาแล้วก็เชื่อสนิทใจ
เมื่อเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้แล้วบรรดานายทหารทั้งแปดนายจึงได้แต่หยุดกองทัพทั้งปวงไว้ที่เชิงสะพานเตียงปันนั้น แล้วสั่งให้ม้าเร็วรีบย้อนกลับไปรายงานให้โจโฉทราบ
โจโฉฟังรายงานแล้วเห็นเป็นที่ประหลาดใจ จึงรีบยกทหารตามมาที่เชิงสะพานเตียงปัน เห็นแม่ทัพทั้งแปดกองยืนม้าปรึกษาหารือกันอยู่ก็เข้าไปสมทบ บรรดานายทหารเหล่านั้นเห็นโจโฉยกมาจึงพากันเข้าไปคำนับแล้วรายงานความทั้ง ปวงให้โจโฉทราบ
ในขณะนั้นเตียวหุยยืนม้าอยู่ ที่เชิงสะพานเตียงปัน เห็นนายทหารของโจโฉทั้งแปดนายสุมหัวปรึกษาหารือกันแล้วหยุดนิ่งอยู่ที่เชิงสะพานก็รู้ทีว่าทหารของโจโฉไม่กล้ายกกองทัพข้ามสะพานมา เพราะเกรงว่าจะต้องกลอุบายก็กระหยิ่มในใจ พอเห็นทหารอีกกองหนึ่งยกมาเป็นจำนวนมาก มีธงทิวประจำตัวนายทัพระบุชื่อโจโฉก็รู้ว่าโจโฉคุมทัพมาเอง
เตียวหุยเขม้นมองไปที่กองทหารกองใหญ่ที่เพิ่งยกมานั้น เห็นโจโฉขี่ม้าอยู่ภายใต้สัปทนสีเหลืองปักลายเมฆพลิ้วสีทอง ในขณะเดียวกันนั้นโจโฉก็ได้ฟังรายงานของนายทหารทั้งแปดแล้วเกิดความสงสัย ขี่ม้าออกไปหน้าทหารจ้องมองไปที่เตียวหุยและหันหน้ามองไปที่แนวป่าซึ่งฝุ่น คลีคละคลุ้งอยู่
เตียวหุยเห็นดังนั้นจึงร้องตวาดด้วยเสียงอันดังประดุจฟ้าถล่มแผ่นดินทะลายว่า “ตัวกูชื่อเตียวหุย ผู้ใดซึ่งมีฝีมือเข้มแข็งจงมาสู้กัน ลองกำลังดูให้ถึงแพ้แลชนะ”
บรรดานายทหารของโจโฉทั้งกองทัพได้ยินเสียงตวาดดังสนั่นก็ตกใจ พอได้ยินว่าเจ้าของเสียงชื่อเตียวหุยจึงต่างรำลึกถึงคำสั่งสนามที่โจโฉออกคำสั่งไปยังทหารทุกกองทุกหน่วย ตั้งแต่เมื่อครั้งที่กวนอูยอมอยู่ด้วยกับโจโฉ แล้วสังหารงันเหลียง บุนทิว นายทหารเอกของอ้วนเสี้ยวเสีย ในครั้งนั้นโจโฉได้สรรเสริญฝีมือการรบของกวนอูเป็นอันมาก กวนอูได้ถ่อมตัวว่ามีฝีมือเพียงประมาณเท่านั้น และหวังที่จะข่มขวัญโจโฉและทหารในวันหน้า กวนอูได้กล่าวกับโจโฉว่าน้องเล็กแห่งคำสาบานของสวนท้อที่ชื่อเตียวหุยมี ฝีมือล้ำเลิศกว่าใครในแผ่นดิน แม้ว่านายทัพจะยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ทหารนับแสนเตียวหุยก็สามารถตีฝ่าเข้าไป ปลิดชีวิตได้โดยง่าย เสมือนหนึ่งหยิบส้มออกจากลังเท่านั้น โจโฉจึงได้ออกคำสั่งสนามไปทั่วทั้งกองทัพว่าสืบไปเมื่อหน้าหากทหารผู้ใดหรือ หน่วยใดเผชิญหน้ากับเตียวหุยก็อย่าได้เข้ารบเป็นอันขาด กิตติศัพท์ดังกล่าวนี้ได้แพร่ขจรขจายทั่วไปในกองทัพของโจโฉ ทำให้เกิดความยำเกรงในฝีมือของเตียวหุยประการหนึ่ง และเพราะความกลัวจึงต่างยึดถือคำสั่งสนามของโจโฉอย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้ เข้ารบกับเตียวหุย
เสียงตวาดที่ดังสนั่นประดุจฟ้าถล่มแผ่นดินทะลายผิดจากทหารทั้งปวง ประกอบเข้ากับชื่อของเตียวหุยที่โจโฉได้ออกคำสั่งสนามไว้ก่อนจึงทำให้ทหาร ของโจโฉทั้งกองทัพแตกตื่นตกใจ บ้างก็เตรียมชักม้าจะหันหลังกลับ บ้างก็มีสีหน้าซีดเผือด บรรดาพลกลองก็หยุดตี หยุดให้สัญญาณ นายทหารคนหนึ่งตกใจจนตับแตกแล้วตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตายไปต่อหน้าต่อตา กองทัพของโจโฉตกตะลึงและเงียบสงัดงันลงในบัดนั้น
ตัว โจโฉเองเป็นคนขี้ระแวงสงสัย เห็นลักษณาการที่เตียวหุยยืนม้าอยู่แต่ผู้เดียวในขณะที่ในป่าด้านข้างมีฝุ่นคลีคลุ้งตลบเป็นปริมณฑลกว้าง ความคิดก็โน้มไปว่าขงเบ้งวางกลอุบายหลอกให้รุกข้ามสะพานไป ครั้นได้ยินเสียงตวาดของเตียวหุยก็ตกใจ และพอได้ยินชื่อว่านายทหารเล่าปี่ที่ยืนม้าอยู่นั้นคือเตียวหุยก็รำลึกถึงคำ ของกวนอูแต่ครั้งก่อนได้ โจโฉจึงเผลอตัวเอามือลูบที่คอราวกับจะสำรวจว่าศีรษะยังอยู่บนบ่าหรือไม่
เพราะความระแวงและไม่ตั้งอยู่ในความประมาทที่มีอยู่ประจำอัธยาศัยของโจโฉดัง นี้ ความคิดที่จะเอาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อนจึงเกิดขึ้น ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้ถอยทัพกลับมาทางด้านหลังสามร้อยเส้น แต่ให้เตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เชิงสะพาน และสั่งกำชับว่าห้ามไม่ให้ยกทหารข้ามสะพานไปเป็นอันขาด
เตียวหุยเห็นโจโฉถอยทัพกลับไปเช่นนั้นจึงขี่ม้าเข้าไปในราวป่า สั่งทหารให้แก้กิ่งไม้ที่ผูกหางม้าไว้นั้นออก และพาทหารออกมารื้อสะพานไม่ให้ทหารโจโฉข้ามมาได้ เสร็จแล้วจึงพาทหารกลับไปหาเล่าปี่
ความคิดเห็น